คำพิพากษาฎีกาที่ 2534/2565
ป.วิ.อ. ม. 158 (5), ม. 195 วรรคสอง, ม. 225
พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ม. 14 (1)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือที่บิดเบือน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษ...(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา"
ป.วิ.อ. ม. 158 (5), ม. 195 วรรคสอง, ม. 225
พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ม. 14 (1)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือที่บิดเบือน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษ...(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา"
แต่ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายเพียงว่า จำเลยนำคำพูดที่โจทก์พูดกับจำเลยทางโทรศัพท์ว่า "การก้าวล่วงถึงบุพการีใคร ไม่สมควรที่สุจริตชนจะมาพูดกันง่าย ๆ ยกเว้นไม่ได้รับการสั่งสอนเหมือนกัน เข้าใจมั๊ยคะ คุณแม่" ไปแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจ แล้วจำเลยส่งภาพถ่ายรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานดังกล่าวไปในโปรแกรมไลน์ ให้ผู้ปกครองนักเรียนในกลุ่มนักเรียนที่เป็นเพื่อนกับบุตรจำเลย และพิมพ์ข้อความประกอบว่า "แจ้งบันทึกประจำวัน ได้รับการก่อกวนทางโทรศัพท์ และมีการดูหมิ่น ผู้ใหญ่เจอกันที่ศาลแขวงนนทบุรี เด็กเจอกันที่ศาลเยาวชนดุสิต" การกระทำของจำเลยดังกล่าว เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือที่บิดเบือนทั้งหมดหรือบางส่วน
โดยตามคำฟ้อง ไม่ปรากฏว่ารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐาน และข้อความที่จำเลยพิมพ์ส่งไปในโปรแกรมไลน์นั้น เป็นข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จอย่างไร และข้อความจริงมีอยู่อย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ปัญหาว่าฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225